ใส่ใจกันสักนิดกับ "กรองเชื้อเพลิง" เมื่อพูดถึงกรอง หลายๆคนคงให้ความสำคัญกับมันพอสมควร ในเรื่องของการดูแลรักษา ตรวจเช็คและเปลี่ยนตามกำหนดที่ผู้ผลิตกำหนด แต่จะเอาเป็นที่ตายตัวไม่ได้เลย ในยุคนี้สมัยนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ และก็มีอีกหลายท่านอีกเช่นกันที่ละเลยในจุดๆ นี้ไปกันพอสมควร วันนี้เรามีข้อมูลดีดีเกี่ยวกับกรองเชื้อเพลิงมาฝากกัน
"กรองเชื้อเพลิง" โดยปกติทั่วไปแล้วจะแบ่งเป็น 2 ประเภท เครื่องยนต์หลักๆก็คือเครื่องยนต์แบบที่ใช้คาร์บูเรเตอร์ ซึ่งก็เป็นเครื่องยนต์รุ่นเก่าๆที่มีกำลังแรงม้าไม่มากนัก แต่ก็ยังมีใช้อยู่ในปัจจุบัน เครื่องยนต์ที่ใช้คาร์บูเรเตอร์นั้นระบบน้ำมันจะเป็นแบบดูด โดยใช้ปั๊มแยกที่ใช้กำลังของเครื่องยนต์มาใช้ดูดน้ำมัน กรองแบบนี้จึงไม่ต้องคอยรับแรงดันสักเท่าไหร่ กรองแบบนี้จึงออกแบบให้ตัวเสื้อกรองเป็นพลาสติกที่สามารถ มองเห็นภายในได้ และภายในจะเป็นไส้กรองที่ทำจากวัสดุ ส่วนมากจะเป็นกระดาษ สายน้ำมันทางเข้าออกของน้ำมันก็ไม่ต้องมีจุดยึดที่แน่นหนามากนัก มีเพียงใช้ปลอกรัดก็เอาอยู่แล้ว
ส่วนกรองที่ออกแบบมาใช้กับเครื่องยนต์ที่ควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดจะมีการออกแบบที่แตกต่างกันออกไป โดยเครื่องยนต์แบบนี้ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงภายในจะมีแรงดันที่สูงมาก แล้วแต่ตามจังหวะของเครื่องยนต์ทำงาน ดังนั้นการออกแบบของกรองชนิดนี้ต้องมีการออกแบบที่ต้องเน้นความแข็งแรงทนทาน ซึ่งการออกแบบนี้แหละจึงทำให้กรองเบนซินที่ใช้กับเครื่องหัวฉีดมีความทนทานแรงดันมากกว่า เนื่องจากแรงดันในระบบมีกำลังสูง การออกแบบกรองแบบนี้ต้องมีความแข็งแรงมากกว่าแบบแรก โดยเสื้อกรองเป็นเหล็กอัดขึ้นรูป และจะมีแผ่นกรองซ้อนกันอยู่ภายใน ซึ่งแผ่นกรองนี้ต้องสามารถทนแรงดันได้สูงและกรองสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี
ในเมื่อเสื้อกรองถูกออกแบบให้มีโครงสร้างที่แข็งแรง ดังนั้นเราจึงไม่สามารถมองเห็นความสกปรกที่อยู่ภายในได้เลยว่าสกปรกมากน้อยขนาดไหน ซึ่งก็ไม่เหมือนกับกรองที่เสื้อเป็นพลาสติกใสที่ทำให้เราสามารถมองเห็นสิ่งสกปรกได้ แต่ในปัจจุบันนี้ได้มีกรองอีกชนิดหนึ่งที่นิยมให้กันในหมู่ของรถแต่งหรือรถบ้านบางคัน คือกรองแบบถอดล้างได้ กรองแบบนี้จะมีอยู่ 3ส่วนใหญ่ๆ คือ ฝากรอง ไส้กรอง และเสื้อกรอง กรองแบบนี้เป็นกรองที่มีการไหลของน้ำมันที่ดีมากและตะแกรงกรองก็สามารถกรองสิ่งสกปรกได้ดีแต่ติดตรงที่มีราคาแพงเท่านั้น จึงยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมกันมากสักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครมีไว้ใช้ก็สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่ากันเลยทีเดียว
"กรองเชื้อเพลิง" หมดอายุดูกันอย่างไร
ปกติแล้วกรองแต่ละลูกมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 5000-8000 ก.ม. ก็ควรที่จะรีบเปลี่ยนเสีย หรือเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 2 ครั้งก็ควรที่จะเปลี่ยนกรองเบนซินสักครั้งหนึ่ง และตัวแปรที่สำคัญอีกตัวหนึ่งที่ทำให้กรองเบนซินหมดอายุการใช้งานก่อนเวลาอันสมควร ก็คือน้ำมันเชื้อเพลิงที่เราเติมลงไปในถังว่ามีสิ่งสกปรกปะปนมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าน้ำมันที่เราเติมมีความสะอาดพอหรือไม่ รวมไปถึงถังน้ำมันของรถแต่ละคันนั้นสิ่งสกปรกที่สะสมมานาน ถ้าเป็นรถใหม่ป้ายแดงที่ออกมาใหม่ก็คงยังไม่ค่อยเจอกับปัญหานี้แต่ถ้าเป็นรถที่ใช้งานมานานผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะก็ต้องมีการเกิดสนิมกันบ้าง ถ้าใครเติมน้ำมันให้เต็มถังอยุ่ตลอดเวลาเรื่องสนิมภายในถังก็คงตัดปัญหาไปได้เลย
แต่หากเติมไม่เต็มเรื่องเกิดสนิมภายในถังจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากปัญหาเกี่ยวกับสนิมแล้วยังมีเรื่องของฝุ่นละอองต่างๆ ที่ปะปนกันอยู่ภายในบรรยากาศที่เข้าไปปะปนสะสมกันอีกอาการของเครื่องยนต์ที่กรองหมดสภาพใช้งาน ใครที่ขับรถอยู่ทุกวันและใช้รถคันนี้อยู่เป็นประจำก็คงจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของเครื่องยนต์จากเดิม เครื่องที่เคยมีอัตราเร่งต่างๆ ทำได้ดีไม่ว่าการออกตัวหรือการเร่งแซง ความเร็วปลายที่สามารถทำกันได้อย่างเต็มที่ แล้ววันหนึ่งจากรถที่มีอัตราการเร่งที่ดีกลับมีอาการที่ไม่ค่อยอยากจะวิ่ง มีอาการออกตัวช้า เร่งแซงไม่ทันใจ และที่สำคัญคือมีการสะอึกขณะที่ใช้ความเร็วสูง
ซึ่งอาการเหล่านี้ได้เคยแก้ไขปัญหาหลายต่อหลายอย่างแล้ว อาการเหล่านี้ก็ไม่หายสักที แต่พอมาดูจริงๆแล้วแค่เปลี่ยนกรองตัวเดียว อาการเหล่านี้ก็หายเป็นปลิดทิ้งรถก็กลับมามีอัตราเร่งที่ดีเหมือนเดิมเมื่อใช้ความเร็วสูงอาการสะอึกก็ไม่มีให้กวนใจเหมือนเช่นเคย
เปลี่ยนไม่ยากถ้าอยากลงมือ
การเปลี่ยนกรองไม่ต้องมีเทคนิคพิเศษอะไรเลย มีเพียงแต่เครื่องมือกับความตั้งใจที่เปลี่ยนเองก็พอ
- ถ้าเครื่องยนต์ที่ใช้อยู่เป็นเครื่องแบบคาร์บูเรเตอร์แล้วล่ะก็ ใช้คีมตัวเดียวก็สามารถเปลี่ยนได้แล้ว ปกติแล้วการติดตั้งกรองแบบนี้จะอยู่ในที่ๆมองเห็นได้ง่าย ส่วนมากจะยึดติดเอาไว้ที่ผนังห้องเครื่อง ส่วนสายหรือทางน้ำมันจะมีสายออกและสายเข้าอยู่ 2 เส้นและสายน้ำมันจะมีปลอกรัดเอาไว้กันสายหลุด เราก็ใช้คีมที่เตรียมมาคีบเอาปลอกรัดออกจากนั้นมเราก็สามารถดึงเอาสายน้ำมันออกได้เวลาใส่ไส้กรองตัวใหม่ถ้าได้แบบเดิมก็คงไม่มีปัญหาที่ทางกรองจะมีลูกศรคอยบอกว่า น้ำมันเข้าทางไหนออกทางไหน ใส่ให้ถูกและยึดปลอกรัดซะก็เป็นอันเสร็จ
- ส่วนกรองแบบเครื่องยนต์หัวฉีดอาจจะดูยากแต่ก็ไม่มาก แต่ต้องมีปะแจสัก 2 ตัวคือเบอร์ 10 และเบอร์ 12 ตัวนี้อาจเป็นเบอร์ 14 ก็ได้แล้วแต่การออกแบบ เสื้อกรองจะยึดติดกับผนังห้องเครื่องเหมือนแบบแรกแต่ยึดด้วยน๊อตเบอร์ 10 แต่อย่าพึ่งคลายออกให้ใช้ปะแจเบอร์ 12 หรือ 14 คลายเอาน๊อตยึดสายน้ำมันออกก่อน แล้วค่อยคลายน๊อตยึดเสื้อกรองเพื่อที่เวลาขันน๊อตเราจะได้ขันอย่างสะดวกต่อการทำงาน การซื้อกรองแบบนี้เราควรบอกรุ่นรถให้ตรงเลย
เพราะการออกแบบจุดยึดจะเป็นแบบตายตัวเอารุ่นอื่นมาใส่จุดยึดอาจจะเข้ากันไม่ได้ แต่รถยี่ห้อเดียวกันแม้คนละรุ่นอาจจะใส่ด้วยกันได้ก็ได้ไม่แน่เสมอไป ทางด้านสายน้ำมันเข้าออกก็เหมือนกันคือจะมีลูกศรบอกทางน้ำมันเข้ากับออก
- ส่วนกรองแบบถอดล้างได้นั้น เมื่อเราเอากรองออกมาได้ทั้งลูกแล้ว เราก็หาที่จับยึดแล้วหมุนเอาฝาปิดออก จากนั้นเราก็ดึงเอาไส้กรองออกมาได้แล้ว การล้างเราก็ใช้น้ำมันเบนซินล้างดูให้สะอาดก็พอ ข้อควรระวังก็อย่าให้ตะแกรงกรองฉีกขาดเป็นใช้ได้ จากนั้นก็ประกอบตามเดิม
สิ่งที่เป็นปกติจากการเปลี่ยนไส้กรองก็คือตอนสตาร์ทเครื่องครั้งแรกอาจมีอาการติดยากสักนิดนึง ก็เนื่องจากน้ำมันในระบบขาดหายไปแต่ไม่มีปัญหาอะไรไม่ต้องต้องกังวลในจุดนี้ และควรระวังในเรื่องของปลอกรัดท่อน้ำมันต่างๆ ควรรัดให้แน่นอย่าให้น้ำมันมีรอยรั่วซึม เพราะนั่นอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น