กับแง่มุมที่น่าสนใจ ในปัจจุบันมักจะพบเห็นหรือได้ยินกันอยู่บ่อยครั้งว่าตัวแข่งคันแรงทั้งหลายที่ร่วมลงชิงชัยกันในรายการความแรงระยะประชิดนั้น มักจะเปลี่ยนมาใช้ยางล้อรถยนต์ชนิดพิเศษที่เรียกกันว่า "ยาง SLICK" (ยางสลิค) กันเป็นส่วนมาก เพราะนอกจากจะได้รับประสิทธิภาพในการถ่ายทอดพละกำลังลงสู่ผิวแทร็คที่ดีขึ้นกว่ายางแสตนดาร์ดอย่างเห็นได้ชัดจากเวลาที่ลดลงแล้ว ในบางกรณีมันยังช่วยในการทรงตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย
ซึ่งเหตุนี้เองทำให้บรรดาวัยแรงที่หวังจะมีสถิติในการวิ่งของตัวเองมีตัวเลขที่น้อยลงกว่าเดิมจึงอยากจะหันมาคบกับ "ยาง SLICK" (ยางสลิค) กันเป็นทิวแถว ดังนั้นเพื่อเป็นการเรียนรู้ในแบบขั้นต้นของการเล่นยางสลิคแบบถูกวิธีเราจึงมีข้อมูลมาฝากกันดังนี้
เริ่มจากยางสลิคก็คือยางชนิดพิเศษที่มีเนื้อยางหรือวัสดุพื้นฐานต่างๆ ที่ใช้มีคุณสมบัติที่นุ่มแต่ยึดเกาะกับผิวแทร็คได้ดีกว่ายางธรรมดาทั่วๆไป จึงสามารถรองรับแรงบิดของวงล้อที่เกิดจากการถ่ายทอดเรี่ยวแรงมหาศาลมิให้เกิดอาการฟรีทิ้ง หรือสลิปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเมื่อมีการ TAKE ตัวของรถแข่ง DRAG ทั้งหลายจึงเป็นการกระโจนออกจากจุด START ทั้งนั้น ส่วนการแบ่งประเภทของยางสลิค เพื่อการแข่งขันหลักๆ ก็มีกันอยู่ 2 ประเภทคือ
1. RACING SLICK หรือยางที่ใช้ในการแข่งรถประเภท CIRCUIT อันจะมีลักษณะคล้ายกับยางรถยนต์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปคือมีขนาดใกล้เคียงกับยางสแตนดาร์ด แก้มยางมีความเตี้ยเพราะต้องการลดอัตราการให้ตัวของยางในขณะเข้าและออกโค้งให้เกิดการดีดดิ้นของหน้ายางน้อยที่สุด และยางประเภทนี้ก็จะมีทั้งแบบหน้าเรียบคือไร้ดอกยางใดๆ ทั้งสิ้นซึ่งก็จะใช้กับสนามที่แห้ง ส่วนอีกแบบก็คือสลิคกัดดอกหรือที่มีดอกยางที่จะใช้ตอนฝนตกหรือมีน้ำอยุ่บนแทร็คนั่นเอง
2. DRAG SICK ก็คือ "ยาง SLICK" (ยางสลิค) รูปทรงกลมโตแก้มหนาๆ มีขนาดใหญ่มหึมาจนบางไซส์เกินขนาดที่เราจะจับยัดลงในซุ้มล้อรถปกติได้นั้นก็คือยางที่ถูกออกแบบและผลิตขึ้นมาสำหรับการแข่งขัย DRAG กันโดยเฉพาะ เพราะนอกจากเนื้อยางจะมีความนิ่มที่เกาะกับผิวแทร็คได้ดีจนใช้งานไม่กี่ครั้งก็หมดสภาพไปแล้วนั้นตัวแก้มยางที่หนาเตอะก็ยังถูกออกแบบมาให้รองรับกับแรงบิดอันมหาศาลของเครื่องยนต์ที่พอเริ่มยกคลัช มักจะเกิดการบิดของแก้มยางที่แทบจะเป็นเกลียวจึงช่วยให้การ TAKE ตัวเป็นไปอย่างรวดเร็ว แถมยังมีน้ำหนักของยางที่เบากว่ายางเรเดียลธรรมดาๆ อีกด้วย
3. ยาง SOFT COMPOUND หรือยางที่เรียกกันว่า กึ่งสลิค คือมีหน้าตาเหมือนกับยางรถยนต์ปกติ แต่มีความนุ่มของเนื้อยางหรือวัสดุที่ใช้มากกว่าธรรมดาแถมมีดอกยางลวดลายแปลกๆ แต่ไม่ซับซ้อน อาทิ ลายหนอน ลายหัวธนู เป็นต้น จึงทำให้สามารถใช้งานบนท้องถนนก็ได้ หรือใช้ในสนามแข่งก็ถ่ายแรงได้ดีกว่าทั่วไปนั่นเอง ส่วนการเลือกใช้นั้นนอกจากการที่จะต้องคำนึงถึงการคัดขนาด และประเภทของยางให้เหมาะสมกับตัวรถ อาทิขนาดของซุ้มล้อว่ามีพื้นที่ภายในเหลือให้ใช้ยางได้ขนาดใดหรือแบบใด
อย่างถ้ารถคุณเป็นรถโรงงานที่ไม่ได้มีการผ่าซุ้มเพื่อขยายขนาดเหมือนพวกตัวแรงทั้งหลายไอ้ครั้นจะไปคบกับยาง DRAG SLICK ล้อโตมโหฬารนัยว่าสะใจสะกดขวัญคู่แข่งให้กระเจิงก็คงไม่เข้าทีแน่ๆ ควรจะหาขนาดที่เหมาะสมมาใช้หรือจะไปหยิบยืมเอายาง RACING SLICK มาใช้ก็พอที่จะทดแทนกันได้ ซึ่งนอกจากจะมีขนาดที่สามารถจับยัดลงในซุ้มล้อได้แล้วยังมีราคาค่าตัวที่ถูกกว่าพวก DRAG SLICK อีกด้วย
ส่วนในเรื่องของการนำเอาแรงม้าของเครื่องยนต์มารวมเป็นตัวกำหนด กับขนาด "ยาง SLICK" (ยางสลิค) ที่ใช้ไม่ควรมองข้ามเพราะถ้าหากพละกำลังของขุมพลังไม่เพียงพอต่อการเป็นยางให้เดินหน้าเพื่อการออกตัวกันแล้วล่ะก็แน่นอนเลยที่บรรดาชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบขับเคลื่อนของคุณอาทิเพลาขับ เพลาข้าง เฟืองท้าย ต้องขาดกระจุยหลุดลุ่ยเฟืองรูดมีให้คุณเห็นแน่นอน ดังนั้นจึงต้องนำเอาประเด็นของแรงม้า แรงบิดที่คุณมีอยู่รวมไปถึงความแข็งแรงของชิ้นส่วนในระบบขับเคลื่อนมาใช้กันก่อนเล่นกับยางสลิคด้วย
ส่วนเรื่องการเติมลมใน "ยาง SLICK" (ยางสลิค) ควรเติมลมยางที่น้อยเพื่อที่จะหวังให้มีพื้นที่หน้ายางสัมผัสกับผิดแทร็คมากว่าปกติ ถ้าลมยางมีน้อยเกินไปก็จะทำให้มีโอกาสที่ตัวยางจะหลุดร่อนออกจากกระทะยางเมื่อเกิดแรงบิดสูงตอนออกตัวได้
ตรงกันข้าม ถ้าหากมีลมยางที่มากเกินไปก็จะทำให้เกิดการลดประสิทธิภาพ ในการยึดเกาะนั่นเอง ส่วนสเป็คลมยางแบบคร่าวๆ ก็มีดังนี้คือ ถ้าเป็นรถขับหน้ายางสลิคที่ใช้ควรจะเติมลมไม่เกิน 15ปอนด์ ส่วนรถขับหลังก็อยู่ประมาณ 9ปอนด์ และพวกขับสี่ อยู่ประมาณไม่เกิน 25ปอนด์ โดยสเป็คที่กล่าวไปทั้งหมดนี้ ก็สามารถที่จะยืดหยุ่นแปรผันไปตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคลอันเนื่องมาจาก DETAIL ของรายละเอียดที่แตกต่างกันนั่นเอง
ขนาดของยางสลิคบางครั้งยังสามารถช่วยในเรื่องการทรงตัวได้อีกทางหนึ่ง หรือการออกตัวของรถที่ใช้ยางสลิคควรที่จะรอให้ล้อหมุนไปสักนิดนึงก่อนแล้วค่อย TAKE ออกไปอย่างเต็มแรง ซึ่งก็จะช่วยทะนุถนอมทั้งยางมิให้เปลืองเกินความจำเป็นและชิ้นส่วนกลไกของเพลาขับไม่พังไปก่อนเวลาอันควร รวมไปถึงการ BURN หรือล้างหน้ายางโดยการให้ล้อปั่นจนเกิดควันเพียงชั่วครู่ ไม่ใช่แช่ยาวๆ นั้นนอกจากจะช่วยอุ่นยางให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมแล้ว ก็ยังเป็นการล้างหน้ายางสะบัดเศษหินกรวดทรายที่ฝังอยู่ในเนื้อยางให้ออกไปเป็นการเพิ่มเติมประสิทธิภาพของยางได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
"เบาะซิ่ง"
สไตล์การตกแต่งรถแบบฮอตๆ ฮิตๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยน "เบาะซิ่ง" ในตัวแรง สำหรับแฟชั่นการปรับแต่งเบาะนั่งภายในรถนี้อาจจะได้รับความนิยมค่อนข้างน้อยไปซักนิด แต่เริ่มจะฮอตฮิตกันบ้างแล้ว การปรับเปลี่ยนเบาะนี้มันมีประโยชน์มากเลยทีเดียว เพราะไม่ใช่เพียงแค่ความงาม ความเทห์เท่านั้น มันมีผลต่อการควบคุมรถในขณะขับด้วยความเร็วสูง หรือในขณะขับเข้าโค้งอย่างรุนแรง เพราะถ้ารถคุณโมดิฟายสูงๆ แต่คุณไม่สามารถควบคุมรถได้ก็ไร้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนเบาะเป็นแบบบัคเก็ตซีท หรือเบาะซิ่งๆ นั้นจึงมีประโยชน์มาก
เบาะประเภทนี้แบ่งเป็น 2 แบบ คือแบบปรับเอนนอนไม่ได้และแบบปรับเอนนอนได้ เบาะแบบปรับเอนนอนไม่ได้นั้นจะออกแบบมาสำหรับรถแข่งโดยเฉพาะทั้ง RALLY และ RACING มีลักษณะแบบมีปีกด้านข้างโอบร่างกายเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่เกิดการสะบัดออกจากเบาะ เนื่องจากการเข้าโค้งอย่างรุนแรง ส่วนที่นั่งก็จะเป็นแอ่งลงไปมีปีกโอบช่วงขาเช่นกัน
เบาะชนิดนี้วัยแรงทั้งหลายในบ้านเราคงจะไม่ค่อยนิยมซักเท่าไหร่ เนื่องจากไม่สามารถปรับเอนนอนได้ และเบาะอีกประเภทคือ แบบปรับเอนนอนได้เบาะชนิดนี้ค่อนข้างจะได้รับความนิยม เนื่องจากรูปทรงการออกแบบสวยงามนั่งสบายกว่าแบบแรกและปรับเอนนอนได้ แต่วัตถุประสงค์ในการใช้งานเหมือนกับแบบแรกและยี่ห้อที่ได้รับความนิยมอย่างตลอดกาลก็คงจะหนีไม่พ้นเบาะ RECARO อย่างแน่นอน ซึ่งถือได้ว่าได้รับมาตรฐานที่สุด และยังมีอีกหลายยี่ห้อเช่น SPARCO, TRD, TOM'S, BRIDE, NISMO และอีกหลายยี่ห้อที่ยังไม่ได้กล่าวถึง สำหรับรุ่นที่ได้รับความนิยมคงจะเป็น RECARO SR III หรือถ้าเป็น SPARCO ก็คงเป็นรุ่น STAR
สำหรับเรื่องราคานั้นถ้าเป็นของใหม่ คงตกตัวละหลายหมื่นบาทอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรถ้างบน้อยก็ยังมีเบาะมือสองให้ได้เลือกหากัน ก็ลองเดินๆ หาตามเชียงกงดูอาจจะมีหลุดเข้ามาบ้าง แต่ค่อนข้างจะหายากซักหน่อยราคาก็แล้วแต่สภาพ ควรคำนึงถึงลักษณะการใช้งานเป็นหลัก และควรเลือกเบาะที่มีฟองน้ำแข็งอยู่ ในส่วนของพี่ไทยเราก็ไม่ได้น้อยหน้ามีเบาะที่ผลิตในประเทศเหมือนกัน คุณภาพมิได้เป็นรองของนอกเลย ก็แล้วแต่จะเลือกหากันแต่ควรคำนึงถึงความเหมาะสมของรถและเม็ดเงินในกระเป๋าก็แล้วกัน และควรเลือกดูลายและสีให้เข้ากับรถเพื่อความสวยงาม
มาถึงเรื่องการติดตั้งกันบ้าง เมื่อเราได้เบาะที่ถูกใจมาแล้วการติดตั้งก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะถ้าเป็นเบาะที่ตรงรุ่นพอดีก็สามารถถอดน๊อตสับเปลี่ยนได้เลย แต่ถ้าหากไม่ตรงก็ต้องจัดการแปลงร่างด้านล่างเบาะ โดยไปให้ร้านท่อไอเสียให้หาเหล็กมาเชื่อมทำเป็นจุดยึดขึ้นมาใหม่ให้ได้ตำแหน่งเดิมก็เป็นอันเสร็จพิธี แล้วอย่าลืมเก็บเบาะเดิมกลับมาบ้านด้วยนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น